22 มิถุนายน 2553

สินสอด

มะฮัร(สินสอด)
     ข้อกำหนดของการสมรสประการหนึ่งคือ มะฮัร(สินสอด) ซึ่งเป็นการตกลงระหว่างคู่บ่าวสาว และเป็นข้อบังคับสำหรับสามีที่จะต้องจ่ายจนกว่าจะครบตามข้อกำหนด ปัจจุบันมีการเรียกสินสอดมากจนเกินไป ว่าเป็นข้อบังคับทางศาสนา  ที่จริงสินสอดคืออะไรก็ได้ ที่มีคุณค่าต่อผู้ถือครอง แต่จะต้องเป็นสิ่งที่ไม่ไร้ค่าและอิสลามห้ามการเรียนร้องสินสอดสูงๆ

ดังที่ท่านศาสดาได้กล่าวว่                                                         
  สตรีที่ประเสริฐที่สุดในประชาชาติของฉัน คือ ผู้ เลอโฉม และมีมะฮัรที่น้อย

การที่ศาสนาไม่ให้เรียกร้องสูงเกินไป ก็เนื่องด้วยจะไม่เป็นเหตุให้เกิดการขัดแย้งขึ้นในระหว่างครอบครัว

อิมามอาลี(อ) กล่าวว่า
             พวกท่านทั้งหลายอย่าเรียกร้องมะฮัรของสตรีสูงเกินไป  ซึ่งมันจะเป็นเหตุแห่งความขัดแย้
บางทีการเรียกสินสอดสูงเกินไป  จะเป็นเหตุมิให้ชีวิตคู่บังเกิดขึ้นได้  จากประสบการณ์ทั่วไป  ชีวิตคู่จะอยู่รอดหรือราบรื่นนั่นเกิดจากความเข้าใจให้เกียรซึ่งกันและกัน  และความรักกลมเกลียวที่มีต่อกัน  และไม่ใช่ประเด็นเรื่องสินสอดที่สูงเกินไป
สื่งที่น่าพิจารณา  คือ  ถ้าหากบอกว่าสินสอดไม่ต้องมีหรือเป็นสิ่งไร้ค่า  เช่นนี้ก็ไม่ถูกต้องอีกเช่นกัน
บทสรุป คือ ควรต้องมีสินสอด แต่ต้องไม่เกินความพอดี   และการแข่งขันกันเรียกสินสอดมาก ก็จะสร้างความยากลำบากให้เยาวชน หนุ่มสาว และปิดกั้นการครองชีวิตคู่ที่ถูกต้อง
ความจริงควรทำเรื่องการสมรสให้เป็นเรื่องง่ายขึ้น ควรสนับสนุนส่งเสริมให้พวกเขาได้สร้างครอบครัว  เพื่อจะได้รอดพ้นจากอบายมุขและสังคมอันเสื่อมทราม
.................................................................... ............
การเลี้ยงฉลองงานสมรส
      เกี่ยวกับการเลี้ยงฉลองและการเลี้ยงอาหาร ถือว่าเป็นสิ่งที่ถือปฎิบัติตลอดมา แต่ควรกระทำด้วยเงื่อนไขที่ไม่สร้างความลำบาก
การเลี้ยงฉลองครั้งแรก เป็นการกระทำที่ชอบ
ครั้งที่สอง บอกบอกถึงเกียรติยศ  
แต่ครั้งที่สามเป็นการกระทำที่โอ้อวด


อะลี ลูกชายของอบูฏอลิบ ได้เล่าให้ฟังถึงเรื่องที่ฟาฏิมะฮฺภรรยาของเขาและเป็นลูกสาวของท่านนบีมุฮัมมัด ต้องทำงานบ้านทุกอย่างมือของนางเคยแตกจากการบดหิน เสื้อผ้าของนางต้องสกปรกจาการที่ต้องกวาดพื้นและที่คอของนางต้องมีรอยช้ำเพราะต้องแบกถุงน้ำมาจากที่ไกลๆ ครั้งหนึ่งเมื่อท่านนบีได้ให้คนรับใช้มาหาเขา อะลีได้แนะนำฟาฏิมะฮฺว่านางควรไปขอพ่อของนางให้ส่งคนรับใช้ มาช่วยงานบ้านสักคนหนึ่ง แต่ในตอนนั้นมีคนมากมายอยู่ที่บ้านของท่านนบี นางจึงไม่ได้พบกับท่าน วันถัดมา นบีได้มายังบ้านของอะลีและฟาฏิมะฮฺ และได้ถามว่านางต้องการที่จะพูดเรื่องอะไรกับท่าน แต่ฟาฏิมะฮฺยังคงนิ่งเงียบ ดังนั้น อะลีจึงได้บอกกับท่านนบีถึงเรื่องทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ท่านนบีไม่ได้ตอบตกลงให้ตามที่ขอ แต่ท่านกล่าวว่า "จงเกรงกลัวพระเจ้าและทำหน้าที่ของเจ้าต่อพระองค์ให้ลุล่วงไป จงทำงานบ้านของเจ้าต่อไปและเมื่อเจ้าเข้านอนตอนกลางคืนจงสดุดีพระองค์ด้วยการกล่าวว่า "ซุบฮานัลลอฮฺ" 33 ครั้ง จงกล่าวสรรเสริญพระองค์ด้วยการกล่าว่า "อัลฮัมดุลิลลลาฮฺ" 33 ครั้ง และประกาศความยิ่งใหญ่ของพระองค์ด้วยการกล่าวว่า""อัลลอฮุอักบัร" 34 ครั้ง
 ซึ่งเป็นประโยชน์แก่เจ้ามากกว่าที่ใช้ให้คนรับใช้ทำให้